เมืองอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ เรียกได้ว่าเป็นเมืองมรดกทั้งสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และสำหรับนักท่องเที่ยวอีกนับพันนับหมื่นคนที่ต่างเดินทางมาพักผ่อนตามชายหาดและหมู่เกาะรอบๆในแต่ละปี อ่าวนางจัดได้ว่าเป็นเมืองมรดกทางธรรมชาติที่งดงาม แนวเขาหินปูนตั้งตระหง่านที่อยู่โดยรอบและในท้องทะเล สัตว์ท้องถิ่นนานาพันธุ์และพันธุ์พืชต่างๆทั้งที่อยู่บนบกและใต้น้ำ ความมีน้ำใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัย มิตรภาพที่งดงามและเรียบง่ายของผู้คนยิ่งทำให้อ่าวนางมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
แต่ก็เฉกเช่นเดียวกับสถานที่ล้ำค่าอื่นๆ อ่าวนางก็ต้องการการดูแลรักษา ความเอาใจใส่และการรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวันบนหาดอ่าวนางแห่งนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม เราต่างรู้กันดีว่าธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นนำมาซึ่งรายได้จำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นรายได้หลักของจังหวัดกระบี่เลยทีเดียว ทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น อย่างไรก็ดี หากทุกคนไม่ช่วยกันควบคุมดูแล ในอนาคตอันไม่ไกลเกินนี้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยาอาจทวีความรุนแรงขึ้นก็เป็นได้ และจะส่งผลต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวตามมาอย่างแน่นอน
เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติที่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่สวยงามแห่งนี้ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวทุกคนที่ดั้นด้นเดินทางกว่าสิบชั่วโมงบนเครื่องบินเพื่อมาพักผ่อนและชื่นชมความงดงามทางธรรมชาติแห่งนี้ ต่างก็มีส่วนร่วมในการช่วยกันปกป้องและรักษาความงดงามทางธรรมชาตินี้ไว้ให้คงอยู่ ด้วยการสร้างนิสัยในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อให้อ่าวนางเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สะอาดและมีชีวิตชีวาตลอดไปนั่นเอง
ชมรม Loving Andaman Sea องค์กรไม่แสวงผลกำไรก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนโดยนายเปาโล เซ็มเปรโบนี่ ชาวอิตาเลียนซึ่งอาศัยอยู่ที่กระบี่มาตั้งแต่ปี 2007 และเป็นผู้ที่ริเริ่มโครงการปลุกจิตสำนึกด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวให้กับทั้งผู้ที่อยู่อาศัย และมาท่องเที่ยวอ่าวนาง เปาโลแต่งงานกับโมนิกา สาวไทยแสนดีที่เป็นทั้งคู่คิดและให้การสนับสนุนสามีในการทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเสมอมา
จวบจนปัจจุบัน กิจกรรมรณรงค์ต่างๆของชมรม Loving Andaman Sea ได้จำกัดวงอยู่ที่กิจกรรมการทำความสะอาดชายหาดอ่าวนาง หรือตามชายหาดอื่นๆโดยรอบ ซึ่งบ่อยครั้งที่ทางชมรมได้จับมือกันกับหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Project Abroad องค์กรที่มีอาสาสมัครหนุ่มสาวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมกิจกรรมการกุศลต่างๆในจังหวัดกระบี่ ด้วยกิจกรรมที่จัดขึ้นล่าสุดนี้เอง เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวผู้จัดเกิดความรู้สึกว่าอยากที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปของการกระตุ้นจิตสำนึกดีๆให้กับทุกคนในสังคม และดึงองค์กรภาครัฐ ภาคการปกครองท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการมากยิ่งขึ้น เหตุนี้ วันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวาระครบรอบการถือกำเนิดของชมรม Loving Andaman Sea ทางชมรมจึงได้สานต่อแนวคิดกิจกรรมทำความสะอาดชายหาดและได้เพิ่มอีกหนึ่งกิจกรรมคือการแข่งขันวิ่งบนชายหาดเท้าเปล่าเป็นระยะทาง 1 ไมล์ (1,609 เมตร) ภายใต้ชื่อ “วิ่ง 1 ไมล์เพื่ออ่าวนาง” โดยเปิดโอกาสให้ทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขัน
ที่จริงแล้ว ก้าวแรกก่อนที่จะเกิดกิจกรรมการวิ่งชายหาดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนก่อน เมื่อชมรม Loving Andaman Sea ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวในอ่าวนางทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและในแง่สภาพสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่จำนวนข้อมูลและข้อเสนอแนะมากมายที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ยังเป็นข้อมูลที่น่าสนใจอย่างมาก และเมื่อทางชมรมได้ประมวลผลสรุปส่งให้กับทางหน่วยงานราชการท้องถิ่น ก็ได้รับเสียงตอบรับร่วมมือที่ดีในการเริ่มคิดร่วมมือแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อชมรมฯ ได้เริ่มวางแผนกิจกรรมการทำความสะอาดชายหาดรวมเข้ากับการจัดวิ่งแข่ง ทุกฝ่ายก็กระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมสนับสนุนโดยทันที ไม่ว่าจะเป็น องค์กรบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง กองบังคับการตำรวจภูธร กองอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจจราจรอ่าวนาง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ต่างให้ความร่วมมือโดยไม่มีการอิดออดแต่อย่างใด อีกทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรมในท้องที่ ตลอดจนธนาคารและผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆในท้องถิ่น ต่างให้การตอบรับโครงการและร่วมมืออย่างขยันขันแข็งในการสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้
และเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนมาถึง ภาพที่เราเห็นคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ อาสาสมัคร และนักท่องเที่ยว เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการกระตุ้นจิตสำนึกการรักษาความสะอาดของสภาพแวดล้อม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 400 คนรวมถึงน้องๆจากโรงเรียนประถมและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานที่ให้การตอบรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ของชมรม Loving Andaman Sea นอกจากกลุ่มผู้ร่วมงานแล้ว ยังมีกลุ่มนักวิ่งกว่า 100 คนจากหลากหลายประเทศที่สมัครเข้าร่วมวิ่งแข่งบนชายหาดในแต่ละประเภทการแข่งขัน โดยทุกคนต่างมาพร้อมเพรียงกันที่จุดสตาร์ท “ วิ่ง 1 ไมล์เพื่ออ่าวนาง”
งานเริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดงานโดยประธานในพิธี รองนายกองค์กรบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รองนายกสุชาติ กิตติธรกุล ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการช่วยกันรักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อมและสถานที่ท่องเที่ยว เป็น
การช่วยกันทำให้อ่าวนางสะอาดและเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดของภาคใต้ จากนั้นผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ พลตำรวจตรีนันทเดช ย้อยนวล ได้ย้ำถึงเรื่องความร่วมมือของภาคตำรวจในการรักษาปลอดภัยในเมือง เพื่อเสริมให้กระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัยไร้ยาเสพติด ปิดท้ายด้วยสารวัตรใหญ่ตรวจคนเข้าเมืองกระบี่ พันตำรวจโท ศุภฤกษ์ พันธุ์โกศล ซึ่งได้เน้นในเรื่องความสำคัญของสภาพแวดล้อมที่สะอาดจะช่วยส่งเสริมให้อ่าวนางเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าจดจำตลอดไป
หลังจากประธานในพิธีได้กล่าวเปิดงานเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนับร้อยคนต่างคว้าถุงขยะพลาสติกสีดำ แล้วเริ่มลงมือเก็บเศษขยะ สิ่งสกปรกตามชายหาดทันที ทุกคนต่างแสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายเดียวกันในการร่วมกิจกรรมวันนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะตัวแทนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มน้องนักเรียนชั้นประถมที่ต่างมุ่งมั่นในการมาร่วมกิจกรรมทำความสะอาดในวันนี้ เราจะเห็นกลุ่มน้องๆอาสาสมัครตัวจิ๋วสวมเสื้อโปโลสีชมพู กระจายตัวกันไปตามหน้าชายหาดอ่าวนาง และเก็บเศษขยะทุกอย่างที่พบเห็นอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย เกือบทุกคนกลับมาพร้อมกับถุงขยะที่หนัก เต็มไปด้วยขยะต่างๆ ทั้งยังใบใหญ่กว่าตัวเองด้วยซ้ำ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ มดงานตัวจ้อยของเราก็เอร็ดอร่อยไปกับไอศกรีมหวานเย็นจากผู้สนับสนุนของเราในวันนี้
แต่จะพูดถึงแต่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจและน้องนักเรียนอาสาสมัครตัวจ้อยของเราก็คงจะไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้กลุ่มอื่นๆที่มาเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรม Loving Andaman Sea น้อยใจได้นะคะ หลากหลายกลุ่มที่มาด้วยใจและกระตือรือร้นกับการรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดปราศจากขยะนั้นมีหลายกลุ่มทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Mr. Vishal Pawa และกลุ่มอาสาสมัครจาก Project Abroad ชาวอ่าวนางที่ทำงานและอาศัยที่อ่าวนาง ประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยว ทุกคนต่างช่วยกันเก็บขยะหน้าชายหาดอ่าวนาง รวบรวมได้ถึง 300 กิโลกรัมเลยทีเดียว ภายใต้แสงแดดร้อนระอุช่วงบ่ายของวัน ไม่ได้ทำให้ทุกคนย่อท้อต่อการเดินเก็บขยะทั้งหาดอ่าวนาง ท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนปูเสื่อนอนอาบแดดกันที่หน้าหาด
และแล้ว…เวลาก็ล่วงเลยมา…หลายชั่วโมงผ่านไป เมื่อพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนคล้อยต่ำลงจนใกล้ลับขอบฟ้า อากาศเริ่มคลายความร้อนระอุ ร่มเงาเริ่มแผ่ขยายมากขึ้น และเมื่อระดับน้ำทะเลเริ่มสูงขึ้นมาเรื่อย ก็ยิ่งทำให้พื้นทรายหน้าหาดอ่าวนางค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ แล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง การแข่งขันวิ่งแข่งบนชายหาดเท้าเปล่าระยะทาง 1 ไมล์ ! บรรดาผู้คนที่มาร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง ทั้งหญิง ชายและเด็ก ต่างทยอยมารวมตัวกันด้วยหัวใจที่เต็มร้อย ห่างจากจุดสตาร์ทเพียงเล็กน้อย จะเห็นโต๊ะถ้วยรางวัลและของรางวัลต่างๆสำหรับผู้ชนะในแต่ละประเภทจากผู้สนับสนุนการแข่งขันและกิจกรรมวันนี้ ซึ่งหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเรามาร่วมกิจกรรมทำความสะอาดชายหาดกันเมื่อช่วงบ่าย แม้ว่าจะเป็นการวิ่งแข่งระยะสั้น แต่ก็เป็นไปเพื่อการรักษาความสะอาดชายหาดเล็กๆแห่งนี้ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในใจทุกคนตลอดไป”
เมื่อมาถึงช่วงท้ายรายการ วันนี้ไม่ได้สำคัญว่าใครจะเป็นผู้ชนะ หรือเวลาที่เร็วที่สุดในการวิ่งแข่งครั้งนี้คือเท่าไหร่ ต้องขอขอบคุณ ศ.หลังสวน เบญจรงค์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดวิ่งแข่งครั้งนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของผู้จัดคือเพื่อให้เป็นการแข่งขันแนวสร้างสรรค์ สิ่งที่สำคัญในวันนี้คืออ่าวนางจะกลับมาสะอาดขึ้นและเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกสักนิด สิ่งที่สำคัญคือการมารวมตัวกันของทุกภาคส่วนที่มามีส่วนร่วมกิจกรรมในวันนี้จะเป็นการตอกย้ำเหตุผลในการจัดกิจกรรมขึ้น และได้ทำให้หลายๆคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดของสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น ชายหาด ทะเล สวนสาธารณะ เมืองและประเทศของเรา เราทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงไว้ซึ่งความสะอาด ไร้ขยะ เพื่อที่แหล่งธรรมชาติเหล่านี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อวันหยุดพักผ่อนของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นธรรมชาติที่จะอยู่คู่เราไปอีกนานแสนนาน
หากว่าหลังจากวันที่ 13 พฤศจิกายนเป็นต้นไป หาดอ่าวนางดูสะอาดขึ้น มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น เราคงต้องกล่าวคำขอบคุณจากใจไปยังกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้สนับสนุนกิจกรรมและหน่วยงานองค์กรภาครัฐที่เข้ามามีส่วนผลักดันให้เกิดกิจกรรมดีๆขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด ขอขอบคุณความตั้งใจดีของกลุ่ม Loving Andaman Sea องค์กรเล็กๆที่เมื่อสามปีที่แล้วก่อตั้งขึ้นโดยไม่มีใครสังเกตเห็น แต่หากวันนี้ ผ่านมาสามปี การมีอยู่ของพวกเขาได้เป็นที่รับรู้แล้ว